...วันแรกที่อากงได้หาบขายในเยาวราช ก็พลัดหลง จนอายี่โกวต้องตามหาไปทั่ว ขายอยู่หลายปี จนย้ายถิ่นฐานมาที่คลองสาน ได้รู้จักกับเจ้าของภัตตาคารโค้วฮวดหลี ภัตตาคารอาหารจีนที่ขึ้นชื่อในยุคนั้น และได้ตั้งหาบขายหมูสะเต๊ะที่นี่ ก่อนย้ายไปตั้งถิ่นฐานถาวรที่ “ตลาดพลู” ตั้งร้านหมูสะเต๊ะที่ริมน้ำในตลาดวัดกลาง จนย้ายมาที่หน้าโบสถ์วัดกลาง และขยายสาขาสอง ตรงแยกตลาดพลู แล้วย้ายไปตั้งร้านบนตึกแถว หน้าโรงหนังศรีตลาดพลุ หรือที่เรียกกันว่า “วิกเตี้ย” แต่ปัจจุบันโรงหนังนี้ได้ถูกทุบทิ้งแล้ว เปลี่ยนเป็นย่านที่คนมาจับจ่ายหาของกินรสเด็ด จนได้รับการขนานนามว่า “แหล่งของอร่อย ตลาดพลู”

...ในช่วงที่อากงขายหมูสะเต๊ะที่ข้าง ภัตตาคารโค้วฮวดหลี “เฮียอ้วน หรือ ตั่วปุ๊ย” ลูกชายคนที่สอง เรียนจบ ป.4 จึงได้มีโอกาสไปทำงานที่ ภัตตาคารแห่งนี้ “ตั่วปุ๊ย” รุ่นที่สอง ได้เริ่มต้นปลูกฝังการทำอาหารจีน จากตั่วชิ้วชื่อดัง ที่มีรสมือเป็นเยี่ยม ต้นตำรับแห่งอาหารจีนที่มีชื่อเสียง และสั่งสมความรู้ทุกวัตถุดิบ ทุกเครื่องปรุง จนพัฒนาฝีมือขึ้นมาเป็นตั่วชิ้ว ด้วยประสบการณ์ด้านอาหารยาวนานกว่า 50 ปี อาหารทุกจานมีความหอม อร่อย รสชาติเฉพาะสไตล์อาหารจีนแต้จิ๋ว จนได้รับจัดโต๊ะจีน เมนูที่ลูกค้าต้องสั่งตลอด อาทิ กระเพราะปลาน้ำแดง , หูฉลามน้ำแดง , เป๋าฮื้อน้ำแดง , ปลากะพงนึ่งมะนาว , ปลาเก๋าราดพริกสามรส รวมถึงจานออเดิร์ฟ ที่ต้องมี เปาะเปี๊ยะทอด และ ฮ่อยจ๊อ สูตรลับเฉพาะที่มีรสชาติ กลิ่นหอมที่ไม่เหมือนใคร สืบทอดส่งต่อ "รุ่นที่ 3" รุ่นที่ต้องติดตามเวลาที่ป๊าไปทำโต๊ะจีนทุกครั้ง ป๊าไม่เคยสอน เราได้เรียนรู้จากการเป็นลูกมือที่คอยช่วยเตรียมเครื่อง จึงได้เรียนรู้วิธีการ เคล็ดลับ และ ขั้นตอนในการทำ สะสมเรื่อยมาว่าอาหารจานไหนจะต้องมีเครื่องปรุงอะไร ต้องมีรสชาติแบบไหน เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คอยเก็บเกี่ยว ให้อาหารมีรสชาติ เช็ง ๆ ฮอเจี๊ยะ ถึงจะเป็น เมนูจานเด็ด จนเกิดเป็นแบรนด์ "ตั่วปุ๊ย"

...แบรนด์อาหารที่นำชื่อป๊า “ตั่วปุ๊ย” ชื่อที่มีความหมาย ภาษาจีนแต้จิ๋ว ตั่ว แปลว่า ใหญ่ ปุ๊ย แปลว่า อ้วน เมื่อสองคำนี้มารวมกัน จึงให้ความหมายแห่งความยิ่งใหญ่ อุดมสมบูรณ์ ตีความได้ว่า เมื่อคุณได้ลิ้มรส อาหารทุกจานที่ปรุงออกจากร้านตั่วปุ๊ย คุณจะรู้สึกได้ถึง ความเอร็ดอร่อย จนลืมคิดถึงเรื่องความสมบูรณ์ไปเลยทีเดียว